การรักษาด้วยการให้ เลือด และการบริจาค เลือด
มารู้จัก เลือด กันเถอะ
เลือด ที่ให้ผู้ป่วย ได้มาจากไหน
ผศ.พญ.ปาริชาติ เพิ่มพิกุล
การรักษาด้วยการให้ “ เลือด ” และการบริจาค “ เลือด ”
คำว่าเลือดอาจฟังดูน่าหวาดเสียว และน่ากลัวสำหรับคนบางคน แต่สำหรับโรงพยาบาลแล้ว เลือดเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญในการรักษาผู้ป่วย มีผู้ป่วยหลายประเภทที่มีความจำเป็นต้องใช้เลือด เช่น ผู้ป่วยผ่าตัด ผู้ป่วยโรคเลือด ผู้ป่วยมะเร็ง การรักษาหลาย ๆ อย่างในปัจจุบันนี้ เช่น การผ่าตัดใหญ่ การปลูกถ่ายอวัยวะ การปลูกถ่ายไขกระะดูก เป็นต้น จะไม่สามารถทำได้หากไม่มีเลือด
มารู้จัก “ เลือด ” กันเถอะ
ในร่างกายคนเรามีเลือดไหลเวียนอยู่ในตัว เพื่อทำหน้าที่ลำเลียงอาหาร สารน้ำ ออกซิเจนไปทั่วร่างกาย ขณะเดียวกันก็นำสารพิษ ของเสีย และคาร์บอนไดออกไซด์จากส่วนต่าง ๆ เพื่อนำไปกำจัดออกจากร่างกายเพื่อให้ร่างการทำหน้าที่ได้อย่างปกติ ในเลือดมีทั้งของเหลว (ส่วนน้ำ) และเซลล์ชนิดต่าง ๆ ซึ่งมีหน้าที่ต่าง ๆ กัน กล่าวคือ
เม็ดเลือดแดง ทำหน้าที่ นำออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อ และนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เนื้อเยื่อออกไปขับถ่าย เม็ดเลือดแดงมีปริมาณประมาณ 40 - 45% ของเลือดทั้งหมด และมีอายุ 120 วัน
เม็ดเลือดขาว ทำหน้าที่ ให้ภูมิคุ้มกันเหมือนทหาร ปกป้องเชื้อโรคในร่างกาย มีปริมาณประมาณ 1% ของเลือด
เกร็ดเลือด ทำหน้าที่ ช่วยให้เลือดแข็งตัว มีลักษณะเป็นชิ้นส่วนของเซลล์ขนาดเล็ก มีอยู่ประมาณ 5% ของเลือด
พลาสมา เป็นสารน้ำสีเหลือง มีโปรตีน เกลือแร่ ไขมัน ฮอร์โมน ไวตามิน มีปริมาณ 55% ของเลือด
การรักษาด้วยการให้ “ เลือด ” หมายถึงอะไร
หมายถึง รักษาที่ต้องให้เลือดแก่ผู้ป่วย หากผู้ป่วยขาดส่วนประกอบใดส่วนหนึ่งของเลือดไป จนเกิดภาวะผิดปกติ จะต้องมีการให้สิ่งที่ขาดทดแทน เพื่อให้ร่างกายทำหน้าที่ได้อย่างปกติ การให้เลือดจะพิจารณาให้เฉพาะส่วนที่ผู้ป่วยต้องการเท่านั้น เรียกว่า การให้ส่วนประกอบของเลือด ยกตัวอย่าง เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว มีเลือดออกจากภาวะเกร็ดเลือดต่ำให้เฉพาะเกร็ดเลือด เม็ดเลือดแดงสำหรับโรคโลหิตจาง เช่น ธาลัสซีเมีย และพลาสมาสำหรับโรคตับ
ก่อนการให้เลือด หากเป็นการให้เม็ดเลือดแดงจะต้องตรวจเลือดที่จะให้ว่าเข้ากับเลือดผู้ป่วยได้หรือไม่ โดยพิจารณาจากหมู่เลือดระบบเอบีโอ ต้องให้หมู่เลือดที่เข้ากันได้ ผู้ป่วยจึงจะปลอดภัยและต้องนำเลือดผู้ป่วยมาผสมกับเลือดที่จะให้เพื่อทำปฏิกิริยาในหลอดทดลอง หากเข้ากันได้จึงจะผูกป้ายว่าผ่านการตรวจแล้วรอการเบิกไปให้ผู้ป่วย เมื่อทำการให้เลือดจะใช้เข็มแทงเข้าผ่านเส้นเลือดดำ ให้เลือดค่อย ๆ ไหลเข้ากระแสโลหิต ส่วนใหญ่การให้เลือดใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง
“ เลือด ” ที่ให้ผู้ป่วย ได้มาจากไหน
ได้มาจากคนปกติที่มีจิตศรัทธาเป็นกุศล ต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ หากปราศจากคนที่มีจิตกุศลเหล่านี้ ผู้ป่วยหลายรายอาจไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ผู้ที่ต้องการบริจาคเลือดต้องผ่านการสัมภาษณ์ โดยการถามข้อมูลที่เกี่ยวกับความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ถ่ายทอดผ่านการให้เลือดได้ และถามปัญหาสุขภาพของผู้บริจาค เพื่อให้มั่นใจว่าการบริจาคเลือดครั้งนั้นมีความปลอดภัยทั้งกับผู้บริจาคเลือดและผู้รับเลือด แล้วจึงทำการเจาะเก็บเลือด เพื่อนำไปแยกส่วนมาเตียมไว้ให้ผู้ป่วย พร้อมกันนั้นเลือดทุกถุงต้องทำการตรวจหมู่เลือดและตรวจกรองการติดเชื้อ ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี ไวรัสเอชไอวี และซิฟิลิส เพราะเชื้อดังกล่าวติดต่อผ่านการให้เลือดได้ และผู้ติดเชื้ออาจไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ เลย เฉพาะเลือดที่ผ่านการตรวจแล้วจึงจะมีการติดป้ายหมู่เลือด และนำไปเตรียมรอการขอใช้จากผู้ป่วย
หากท่านมีญาติที่เจ็บป่วย มีความต้องการเลือด เป็นโรคเลือดไม่ใช่เลือดออก ต้องผ่าตัด หรือประสบอุบัติเหตุ ท่านคงเข้าใจว่า “ เลือด ” มีความจำเป็นต่อการรักษาชีวิตของผู้ป่วยอย่างไร
มาช่วยกันบริจาค “ เลือด ” เถอะค่ะ
ช่วยกันบริจาคเลือดเก็บไว้ เพื่อให้มีเลือดอย่างเพียงพอสำหรับผู้ป่วยใช้ได้ตลอดเวลา หากมีผู้ป่วยที่ต้องการใช้เลือดจะได้มีเลือดให้ผู้ป่วยได้ทันที เลือดเป็นสิ่งที่จำเป็นและมีความต้องการทุกวันตลอดปี ไม่เลือกเวลา การช่วยชีวิตคนเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ ท่านก็เป็นคนหนึ่งที่ทำได้ จึงขอให้ไปบริจาคเลือดกันเถอะค่ะ
ใครบริจาค “ เลือด ” ได้บ้าง
- ผู้ที่สุขภาพแข็งแรง อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- ผ่านการคัดเลือกคุณสมบัติ
- นอนหลับอย่างเพียงพอ
- ไม่มีไข้
- ไม่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อผ่านการให้เลือด กล่าวคือ ไม่เคยใช้ยาเสพติดขนิดฉีด ไม่เคยตรวจพบการติดเชื้อเอชไอวี และ ไวรัสตับอักเสบบี และไวรัสตับอักเสบซี
การบริจาค “ เลือด ” เสี่ยง หรือไม่
การบริจาคเลือด ใช้เข็มใหม่ทุกถุง ใช้ครั้งเดียว จึงไม่ทำให้ผู้บริจาคติดเชื้อจากการมาบริจาคเลือด
ผู้บริจาคบางท่านอาจรู้สึกเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม มึนงง หลังบริจาคเลือดได้ แต่อาการเหล่านี้เป็นชั่วคราวในบางคน และจะหายไปหลังจากได้พักผ่อน รับประทานอาหาร ดังนั้นหลังบริจาคเลือดควรดื่มน้ำมาก ๆ เม็ดเลือดจะถูกสร้างใหม่ทดแทน ในเวลา 4 - 8 สัปดาห์ จึงไม่ให้บริจาคเลือดถี่เกินไป
ผู้ชาย 3 เดือน บริจาคเลือด 1 ครั้ง
ผู้หญิง 6 เดือน บริจาคเลือด 1 ครั้ง
ติดต่อบริจาคเลือด ได้ที่ ธนาคารเลือด ตึก 72 ปี ชั้น 3 วันจันทร์- วันศุกร์ เวลา 08.30-18.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 08.30-16.30 น.
ถ้าท่านมีความประสงค์จะบริจาคเลือดเป็นหมู่คณะฯ โปรดติดต่อในวันและเวลาราชการ เวลา 08.30-16.30 น.
โทรศัพท์ 02-419-8081 ต่อ 110